Drive your business

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Thailand Fact Sheet: Most valuable brands 2013





Thailand Fact Sheet: Most valuable brands 2013
                                                                                                                                                                เขียนโดย กอไผ่

                สำหรับแบรนด์สินค้าที่ได้รับความนิยม ย่อมส่งผลถึงมูลค่าแบรนด์ที่สูงขึ้น เราจะเห็นว่าการดีดตัวในเรื่องของมูลค่าแบรนด์สินค้าต่าง ๆ เป็นผลมาจากการได้รับความนิยมหรือความต้องการของลูกค้า ซึ่งธุรกิจเองย่อมมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดในการเพิ่มมูลค่าของแบรนด์
                สำหรับในปี 2013 นี้ Interbrand ได้ทำการจัดอันดับแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุด ซึ่ง Apple ได้กลายมาเป็นแบรนด์ที่สร้างมูลค่าได้สูงสุดถึง $98 พันล้าน ส่วนแบรนด์อันดับสอง เป็นของ Google และอันดับสามเป็นของ Coca-Cola การไต่อันดับมูลค่าแบรนด์ในช่วงปี 2012 และ 2013 ใน 10 อันดับแรกเป็นดังนี้
                                             ปี 2012                              ปี 2013
1.             Coca-Cola                    Apple
2.             CocaCola.pngApple                             Google
3.             IBM                               Coca-Cola
4.             Google                          IBM
5.             Microsoft                      Microsoft
6.             General Electric         General Electric
7.             McDonald’s                 McDonald’s
8.             Intel                               Samsung
9.             Samsung                      Intel
10.           Toyota                         Toyota

หากเราย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2000 ที่ Interbrand ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเราจะเห็นถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลงของมูลค่าแบรนด์ต่าง ๆ โดยปัจจัยที่นำมาใช้ในการวัดผลในเรื่องของมูลค่าแบรนด์ ที่ Interbrand ได้นำมาใช้นั้น มีปัจจัยที่สำคัญในการวิเคราะห์คือ 1) การวิเคราะห์ด้านการเงิน 2) การวิเคราะห์ด้านความต้องการ และ 3) การวิเคราะห์ด้านการแข่งขัน


การวัดผลในเรื่องของมูลค่าแบรนด์ ที่ Interbrand ได้นำมาใช้นั้น มีปัจจัยที่สำคัญในการวิเคราะห์คือ 1) การวิเคราะห์ด้านการเงิน 2) การวิเคราะห์ด้านความต้องการ และ 3) การวิเคราะห์ด้านการแข่งขัน
                การวัดผลทางด้านการเงิน นั้น จะเป็นการวัดกำไรทางด้านเศรษฐกิจ (Economic Profit) ในมุมมองของการลงทุนกับผลการปฏิบัติงาน/ผลประกอบการ ที่สามารถพยากรณ์ต่อไปได้ในอนาคต
                การวัดผลทางด้านความต้องการ จะคำนึงถึงบทบาทของแบรนด์ (Role of Brand) ซึ่งทำการศึกษาถึงความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภค ว่าแบรนด์สามารถกระตุ้นความต้องการหรือเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคหรือไม่ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ อาจเป็นเรื่องของราคา ความสะดวกสบาย รูปลักษณ์ของสินค้า ฯลฯ
                การวัดผลทางด้านการแข่งขัน จะเป็นการวัดถึงจุดแข็งหรือจุดเด่นของแบรนด์ (Brand Strength) ซึ่งสามารถวัดได้ถึงแบรนด์ที่สามารถสร้างความจงรักภักดี สร้างความต้องการ และสร้างผลกำไรในอนาคต ซึ่งการวัดในระดับนี้จะคำนึงถึงปัจจัยภายในองค์กรและภายนอกองค์กร นอกจากนี้ยังวัดถึงปัจจัยความเสี่ยงในเรื่องของแบรนด์
                นับว่า กว่าจะก้าวมาถึงตำแหน่งที่แบรนด์มีความแข็งแกร่งได้นั้น ต้องใช้กลยุทธ์มากมายที่เป็นองค์ประกอบให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ
               


  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น