เดี๋ยวนี้ประเด็นข่าวทางการเมืองช่างร้อนแรง
และเป็นที่น่าจับตาอย่างมากในสังคมไทย
การชนะศึกสงคราม (ทางด้านความคิด) ทางการเมืองก็มีการอ้างอิงวงศ์ตระกูลเพื่อที่จะชนะศึกกันเลยทีเดียว
บ้านเมืองเราสมัยนี้จึงชักจะไปกันใหญ่ ที่หยิบโยงทุก ๆ เรื่องเข้ามาเกี่ยวข้องกันอย่างไม่มีเหตุมีผล
ฉะนั้น การแสดงออกซึ่งความคิดเห็น ถึงแม้จะเป็นเหตุผลส่วนตัวก็ตาม อาจต้องระมัดระวังและคำนึงถึงหลักที่เรายึดเหนี่ยว
และคาดการณ์เผื่อถึงอนาคต ที่ความคิดเห็นส่วนตนนั้น อาจสร้างความกระทบกระเทือนถึงบุคคลอื่น
ๆ ทั้งที่ใกล้ชิด และที่อยู่แวดล้อมอีกด้วย
ด้วยปัจจุบัน ความเชื่อมโยงทั้งความคิดเห็น การกระทำ
คำพูด และสิ่งต่าง ๆ ถูกนำมาเกี่ยวคล้องกันหมด ด้วยคำว่า “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ”
“สีเดียวกัน” หรือ “ไม่ใช่สีเดียวกัน” และไม่อาจแยกแยะได้ว่า “เรื่องใดเกี่ยวข้อง”
หรือ “เรื่องใดไม่เกี่ยวข้อง” ได้อีกต่อไป และที่สำคัญรากเหง้าแห่งแห่งความดีงามทางประวัติศาสตร์ที่สะสมกันมาเป็นระยะเวลานาน
อาจต้องหม่นหมองไปเพราะเข้ามาเชื่อมโยงกับความคิดและการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมือง
สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้นับว่าเป็นประสบการณ์ที่หลายคน อาจต้องมานั่งทบทวน
และตั้งสติกันให้รอบคอบ เนื่องจากผลของการกระทำสามารถบั่นทอนกันและกันได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
จะว่าไปแล้ว เปรียบเสมือน
การปลุกระดมชนวนรอยร้าวทางประวัติศาสตร์ด้วยความต้องการที่จะชนะศึก และแซะรอยช้ำระหว่างกันที่มีมาเนิ่นนานให้ขยายใหญ่ขึ้น
เฉกเช่นเดียวกับ “รอยประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกที่ผู้คนต้องล้มหายตายจาก หากคิดที่จะหยิบยกขึ้นมาพูดกันเมื่อไหร่ก็ไม่มีทางสานสัมพันธ์กันต่อไปได้”
นับเป็นกลยุทธ์ ที่ทำไปเพื่อต้องการเอาชนะ หากปรับความคิดนี้เสียใหม่ เราอาจเห็นทั้งมิตรภาพและศัตรู
ที่คู่นี้อาจเดินเข้ามาหาเราพร้อมกัน
การดำเนินต่อไปด้วยมิตร
สำหรับนักการทูตหรือมนุษย์ธรรมดา จึงควรหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงรอยร้าว
และกล่าวถึงมิตรภาพที่จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีที่เราทำได้ในปัจจุบันให้ดำเนินต่อไปได้
การยับยั้งความคิด จากการได้ฟัง ได้เห็น
หรือถูกปลุกระดมด้วยอารมณ์ ด้วยช่องทางต่าง ๆ ซึ่งมนุษย์ทุกคนสามารถตระหนักไว้ว่า เรามีสติสัมปะชัญญะเพียงพอ
ที่จะไม่เบียดเบียนบุคคลอื่น
การเบียดเบียนทั้งหลายนี้
ด้วยความเป็นชาวพุทธ อาจต้องกลับมาทบทวนดูสติกันให้มากขึ้น ด้วยหลักศีลห้าที่เป็นพื้นฐาน
ก่อนที่จะถามหาเรื่องความมีจริยธรรม ศีลข้อแรก ที่จะไม่เบียดเบียนกันและกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำร้ายร่างกายให้เกิดบาดแผล
สูญเสียเลือดเนื้อ ชีวิตเพื่อให้มนุษย์เรามีหลักในการเดิน และหลักสำหรับการสร้างบุญกุศล
ถึงแม้สถานการณ์โลกจะเจริญก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าใด
แต่การศึกษาค้นคว้า และเรียนรู้เพื่อที่จะขัดเกลาจิตใจมนุษย์นั้นหากยังมีน้อย และดูมีแนวโน้มถดถอย
การเบียดเบียนของคนในสังคม ก็จะทวีความรุนแรงมากขึ้น
สังคมในปัจจุบัน จึงควรแสวงหาทางเลือกที่จะขัดเกลาจิตใจ
ซึ่งสิ่งนี้ย่อมเป็นทางเลือกทั้งในระดับบุคคล และระดับสังคม โดยเฉพาะระดับบุคคล ที่เราเองก็ไม่สามารถบอกให้กับผู้อื่นทำได้
ฉันใดก็ฉันนั้น หากต้องการยกระดับทางด้านความคิด ก็พึงศึกษาเรียนรู้ให้กระจ่างชัด
เพื่อที่จะไม่หลงไปยังพื้นที่ของการโน้มน้าวชักจูง หรือกิเลสที่ทำให้เราสติหลุด
และประพฤติพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เหมือนกับคนไร้สติได้
หากมองไปโดยรอบผู้คนที่อยู่แวดล้อม
ถึงแม้จะไม่ใช่คนพื้นที่เดียวกัน ไม่รู้จักกัน แต่ด้วยความคิดที่ดีเราก็ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน
และนั่น ย่อมเป็นก้าวแรกของการอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข
“มุมมองของการเปิดประตูบ้านต้อนรับผู้อื่นด้วยมิตรไมตรี
ลดการแบ่งแยกทางสังคมหรือชนชั้น ลดการดูถูกเหยียดหยาม จึงเป็นอะไรที่สามารถช่วยยกระดับจิตใจของมนุษย์เราให้ดียิ่งขึ้น”
กว้างไปกว่านั้น สำหรับสังคมโลกที่สื่อสารกันได้เหมือนกับอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน
เราเคยเห็นถึงสถานการณ์ที่น่าใจหาย ผู้คนบาดเจ็บ ล้มตาย ภัยธรรมชาติ ฯลฯ ที่อนาคตจะต้องรับมือร่วมกันอีกมากมาย
ที่สำคัญระบบการบริหารจัดการบ้านเมืองของทั่วโลก
ก็มีรูปแบบการเมืองและการปกครองที่แตกต่างกันไป ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ความรู้จากการศึกษารูปแบบทางด้านการเมืองการปกครองด้วยข้อมูลการสืบค้นก็จะช่วยให้ผู้ที่ศึกษาเองมีข้อมูลและความรู้เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น
อย่างน้อย สิ่งต่าง ๆ ที่ดูไร้เหตุผล ก็จะสามารถยุติลงได้โดยง่าย
ภาพรวมประเทศที่มีลักษณะการเมืองการปกครองที่มีลักษณะการบริหารงานโดยรัฐบาลที่ใกล้เคียงกัน
(ดูจากภาพประกอบ)
ต่าง ๆ เหล่านี้ มีแหล่งที่มาและที่ไป
ที่ผู้ศึกษาเองสามารถนำมาเป็นข้อมูลเพิ่มเติมความรู้ ศึกษา และสืบค้นได้จากในระบบออนไลน์
และแหล่งความรู้ต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง ทำให้เกิดกระบวนการคัดกรองทางด้านความคิด
เหตุผลในเชิงวิเคราะห์ กับรูปแบบสถานการณ์เป็นกรณีศึกษา ซึ่งต่าง ๆ
เหล่านี้ล้วนเป็นแหล่งความรู้ด้วยกันทั้งสิ้น
เรื่องหลายเรื่องในปัจจุบัน จึงถูกโยงเข้ามาผูกกันไว้เป็นปม
หากเราต้องการคลี่คลายสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง เราก็ควรหันมาศึกษาให้ทิศทางของการปลูกต้นไม้แห่งประชาธิปไตย
สามารถดำเนินต่อไปได้ ให้ต้นไม้ต้นนี้ได้ผลิดอกออกผล มีความสง่างามและน่าเกรงขามต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น